6 GHz + 320 MHz (ความกว้างแบบสองเท่า)

เมื่อใช้เครือข่าย Wi-Fi มาตรฐานก่อนหน้า แอปพลิเคชันที่สมจริงอย่าง VR/AR มักจะทำให้เกิดความหนาแน่นในเครือข่ายและทำให้คุณภาพของบริการลดลง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Wi-Fi 7 จึงได้มีการปรับปรุงด้วยการรองรับย่านความถี่ 6 GHz และเปิดตัวโหมดแบนด์วิดท์ใหม่ เช่น 320 MHz หรือ 160+160 MHz ที่ไม่ต่อเนื่องกัน เพื่อให้ได้อัตรารับส่งข้อมูลที่สูงขึ้น

มอบความเร็วสูงสุด

Wi-Fi 7 ที่มาพร้อมกับแบนด์วิดท์ที่กว้างเป็นพิเศษ (6 GHz/320 MHz), 4K-QAM, MLO, MIMO ที่ได้รับการปรับปรุง และ Multi-RU มีความเร็วมากกว่า Wi-Fi 6 และ Wi-Fi 5 เกือบ 5 เท่าและ 7.6 เท่าตามลำดับ การพัฒนาเหล่านี้เป็นความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ของความสามารถในการรับส่งข้อมูล

4K-QAM (ลาเทนซีต่ำ)

Wi-Fi 6 ใช้การกล้ำสัญญาณลำดับสูงสุดอย่าง 1024-QAM ที่ซึ่งสัญลักษณ์การกล้ำสัญญาณหนึ่งอันประกอบด้วย 10 บิต แต่ Wi-Fi 7 ก้าวไปอีกขั้นด้วยการใช้ 4096-QAM โดยสัญลักษณ์ในการกล้ำสัญญาณแบบใหม่นี้จะประกอบด้วย 12 บิต ซึ่งส่งผลให้อัตราสูงสุดเพิ่มขึ้น ในกำลังการส่งสัญญาณที่เท่ากัน อัตราของ 4096-QAM ใน Wi-Fi 7 จะสูงขึ้น 20% เมื่อเทียบกับ Wi-Fi 6 ซึ่งจะมอบประสิทธิภาพในการสตรีมวิดีโอ Ultra HD 8K ที่ดียิ่งขึ้น

16×16 MU-MIMO (ความจุสูงขึ้น)

Wi-Fi 7 เพิ่มจำนวนช่องกระแสสัญญาณขึ้นเป็นสองเท่าจาก 8 เป็น 16 ช่อง ซึ่งทำให้อัตราการส่งสัญญาณทางกายภาพตามทฤษฎีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับ Wi-Fi 6 Wi-Fi 7 นั้นมีช่องกระแสสัญญาณในอุปกรณ์กระจายสัญญาณมากขึ้น จึงสามารถตอบสนองต่อความต้องการใช้งานที่มากขึ้น และปรับปรุงการทำงานระหว่างอุปกรณ์กระจายสัญญาณต่างๆ ได้ ซึ่งหมายความว่าในทางปฏิบัติ Wi-Fi 7 จะมีช่องกระแสสัญญาณระหว่างอุปกรณ์กระจายสัญญาณต่างๆ ได้พร้อมกันสูงสุด 16 ช่อง

MLO (ประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณที่สูงขึ้น)

Wi-Fi 7 มีการจัดการสเปกตรัมและกลไกการส่งข้อมูลแบบใหม่ผ่านย่านความถี่ 2.4 GHz, 5 GHz, and 6 GHz และการทำงานแบบหลายการเชื่อมต่อ (MLO) ซึ่งจะใช้ทรัพยากรเครือข่ายที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ MLO มีการรับและส่งข้อมูลระหว่างเครือข่ายต่างๆ พร้อมกัน ซึ่งแตกต่างจากวิธีการส่งข้อมูลแบบเดิมที่อุปกรณ์จะใช้การเชื่อมต่อเดียวในการส่งข้อมูล โดยความสามารถนี้จะปรับปรุงอัตราการรับส่งข้อมูลและลดลาเทนซีลง โดยเฉพาะในรูปแบบการใช้งานที่มีการสตรีมมิ่งแบบคุณภาพสูง